top of page

Blog - News - Review - Promotion

เมื่อครั้งที่ส่ง "น้องสาวสุดฟรุ้งฟริ้ง" ไปเรียนอินเดียกว่าครึ่งปี

  • รูปภาพนักเขียน: #teamWES
    #teamWES
  • 4 มิ.ย. 2557
  • ยาว 1 นาที

แอดมินพี่เบสท์ ขอเม้าส์

วันนี้ถึงคราวที่เบสท์จะมาเล่าในฐานะผู้ปกครองที่ตัดสินใจส่งน้องไปเรียนที่อินเดียบ้างค่ะ โดยเมื่อเกือบสองปีก่อน น้องสาวคนกลางของบ้านเรา "น้องเกม" เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ด้วยทักษะภาษาอังกฤษระดับแข็งแรงมาก (ประชด!) เราเริ่มปรึกษากันในบ้านถึงเรื่องส่งน้องไปพัฒนาภาษานอกประเทศไทย ประเทศไหนสักประเทศหนึ่ง แต่ตอนนั้นติดที่ว่าต้องรอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรก่อน ซึ่งกำหนดการของมหาวิทยาลัยก็เลื่อนไปเลื่อนมา ระหว่างนั้นเกมก็ทำงานและเรียนภาษาอังกฤษ ช่วงเย็นและเสาร์ อาทิตย์ไปด้วยตลอด แต่มันก็แทบไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเลย

หนึ่งปีผ่านไปหลังจากเรียนจบ กำหนดการรับปริญญาก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ที่บ้านเลยคุยกันว่า ยิ่งรอก็เสียเวลาเปล่าแม้จะทำงานไปด้วย แต่เป้าหมายต่อไปคือ เรียนปริญญาโท ซึ่งถ้าจบปริญญาโท ที่ปัจจุบันใครๆก็เรียนได้นั้น มาแบบภาษาอังกฤษงูๆปลาๆ คงไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง เท่ากับการมีปริญญาโทพร้อมภาษาอังกฤษระดับสื่อสารได้ดีเป็นอย่างน้อย ดังนั้นเราจึงได้ตัดสินใจให้เกมลาออกจากงาน และส่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย ณ เมืองมุมไบ

ครั้งนั้นมีเสียงคัดค้านมากกว่าเสียงสนับสนุนจากคนรอบตัว เพื่อนสนิทคนหนึ่งผู้ซึ่งต้องเดินทางไปอินเดียเกือบทุกเดือนเพื่อประสานงานกับบริษัทลูกที่นั่นถามเบสท์ว่า "แก ส่งน้องไปเรียนอินเดียนี่ คิดดีแล้วใช่มั๊ย?" นอกจากนั้นยังมีคำถามอีกมากมายจากคนรอบๆตัว เช่น "ส่งน้องไปดัดนิสัยหรอ?" "แกแกล้งน้องแกใช่ป่าวเนี่ย?" บ้างก็ถามว่าทำไมไม่ส่งไปออส/เมกา/หรืออังกฤษ จริงๆแล้ว ในหัวกลับมีอีกตัวเลือกนึงที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง นั่นคือ ฟิลิปปินส์ แต่จากข้อมูลที่เบสท์และน้องตั้มช่วยกันดู ช่วยกันหามาหลายเดือน พบว่าค่าเรียนที่ฟิลิปปินส์ แทบไม่ต่างจากออสมากนัก คือเพิ่มตังค์อีกนิดไปออสได้เลย ในขณะที่อินเดียมีค่าใช้จ่ายประหยัดมากกว่าครึ่ง และการที่ค่าเรียนไม่แพงนั้น ทำให้น้องได้ใช้เวลาเรียนได้เต็มที่ โดยไม่ต้องไปกังวลกับการต้องหางานพาร์ทไทม์ทำ เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากทางบ้าน หรือเมื่อนึกอยากออกไปเที่ยวต่างเมืองก็ไม่ต้องกังวลมากนักว่ามันจะสิ้นเปลือง เพราะค่าครองชีพแสนถูก อีกทั้งในหลายๆเมืองของอินเดีย ผู้คนชาวบ้านสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้อย่างแพร่หลาย แม้บางคนจะติดสำเนียงอินเดียบ้าง แต่คนที่อยู่ในสาย Academic จะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก และแม้จะมีสำเนียงอินเดียบ้าง แต่อย่างไรก็น่าจะดีกว่าอังกฤษสำเนียงไทยเป็นแน่ และไม่ใช่เพียงเหตุผลด้านค่าใช้จ่ายอย่างเดียวที่ทำให้เลือกส่งน้องไปเรียนที่อินเดีย แต่เหตุผลสำคัญ คือเราสามพี่น้อง เบสท์ ตั้ม เกม มีนิสัยอย่างนึงที่คล้ายกันคือ ชอบลองอะไรใหม่ๆ มันตื่นเต้นและท้าทาย ทั้งๆที่ตอนนั้นเริ่มมีข่าวการข่มขืนนักศึกษาแพทย์ บนรถเมลล์กลางกรุงเดลีกำลังดัง ไม่ใช่ว่าเราไม่กลัวหรือไม่ห่วงน้อง แต่การหาข้อมูลอย่างหนักของเราสามคนทำให้เห็นและเข้าใจ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเค้า เมืองไหนที่ปลอดภัย เมืองไหนที่น่ากลัว ฯลฯ

ที่สำคัญ ทั้งเบสท์ ตั้ม ปะป๊า และแม่ เราต่างมีความเห็นตรงกันว่า นี่คืออีกช่วงเวลาสำคัญของน้องสาวคนกลางของเรา ถ้าเค้าอยู่อินเดียได้ เชื่อว่าต่อไปเค้าจะต้องโตขึ้น และอยู่ในที่ไหนๆก็ได้เป็นแน่ เพราะพวกเรา 4 พี่น้อง เบสท์-ตั้ม-เกม-เฟิร์น .. เกมจะมีนิสัยใกล้เคียงคำว่าคุณหนูที่สุด เช่น ติดทานหรู หรือถ้าศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ก็คงเรียกได้ว่า เกมค่อนข้างฟรุ้งฟริ้งกว่าพี่น้องคนอื่นๆ หลังจากตัดสินใจกันในบ้านแล้วว่า เลือกอินเดีย เป็นเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกเมืองใดเป็นปลายทาง ในเมื่ออินเดียมันออกจะกว้างใหญ่ไพศาล แล้วเราก็พบว่า "เมืองบังกาลอร์" เป็นเมืองสุดฮิตของนักเรียนไทย ชื่อเมืองคุ้นหู อยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย และได้ชื่อว่าเป็น Silicon Valley แห่งเอเชีย หรือเรียกได้ว่า บังกาลอร์ เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งไอทีของอินเดียนั่นเอง

แต่!! เราไม่ได้เลือกส่งน้องไปเรียนที่บังกาลอร์ค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าเราไม่นิยมเลือกเหมือนคนส่วนใหญ่ เราก็ยังคงหาข้อมูลต่อ และเราก็ได้เจอสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งที่มุมไบ เอ๊ะ!! เมืองนี้น่าสนใจ จริงๆแล้วเมืองนี้เปลี่ยนชื่อมาจาก บอมเบย์ (Bombay) และเป็นสถาบันภาษาที่ได้มาตรฐานแห่งเดียวในมุมไบ ซึ่งมุมไบตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย และเปรียบได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินของอินเดียด้วยค่ะ

หลังจากนั้นได้ลองหาข้อมูลดู พบว่าที่นี่มีนักเรียนไทยไม่มาก ดีละ!! เพราะน้องสาวคนกลางของเราเป็นคนพูดเก่ง ช่างเม้าส์ ขืนอยู่แต่กับเพื่อนคนไทยด้วยกันมากๆ รับรองว่าภาษาอังกฤษคงไม่ได้พัฒนาขึ้นแน่ๆ

สาเหตุที่มุมไบมีนักเรียนไทยไม่มาก เพราะค่าเรียนรวมค่าที่พักของที่นี่ สูงกว่าที่บังกาลอร์เกือบเท่าตัวค่ะ แต่ก็ยังอยู่ในงบที่เราตั้งกันไว้ เราก็เลยเลือกส่งเกมไปปล่อยเกาะ เอ้ย!! ส่งเกมไปพัฒนาภาษาอังกฤษที่มุมไบนั่นเองค่ะ

หกเดือนกว่าผ่านไป หลังจากเกมกลับมาถึงเมืองไทย ประจวบเหมาะกับพี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องเพิ่งเปิดกิจการโรงแรมใหม่ติดริมน้ำโขง โรงแรมสบาย@เชียงแสน จ.เชียงราย (ขอแอบโฆษณา ใครมาเที่ยวแถบนี้ แวะมาอุดหนุนได้นะคะ) ซึ่งในช่วงแรกเกมได้มีโอกาสไปช่วยงาน และรับลูกค้าต่างชาติของโรงแรม ทำให้เบสท์ได้เห็นถึงพัฒนาการที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แทบจะเรียกได้ว่าคนละคนกับก่อนไปเลย จากเดิมที่เห็นฝรั่งถ้าไม่เดินหนี ก็ทำเป็นมองไม่เห็น แต่ทุกวันนี้กลายเป็นได้เจอก็อยากทักทาย ถามไถ่ว่ามาจากไหน ชวนคุย ตามประสาคนช่างเม้าส์ ทำให้ครอบครัวเราคิดได้เลยว่า คิดไม่ผิดจริงๆที่ได้ส่งน้องไปเรียนภาษาอังกฤษมา แทบจะพูดเลยว่า "6 เดือน เปลี่ยนชีวิต" จริงๆค่ะ

 
 
 

Comments


Commenting on this post isn't available anymore. Contact the site owner for more info.
Recent Posts
อ่านทั้งหมด

สำนักงานในไทย
     ถนนสาธุประดิษฐ์ สาทร กทม. 10120
     +66 (0) 95 1939879
     +66 (0) 85 5398249
     Line: @westhailand
     Email: info@westhailand.com


สำนักงานในอินเดีย
     Lingarajapuram, Bangalore 560084
     +91 95359 94456

TELL
US

ขอบคุณสำหรับข้อมูล!

bottom of page